ในปัจจุบันทุกวันนี้ เราได้อยู่ในยุคที่มีตัวช่วยหลายๆอย่างอยู่รอบตัว อาทิเช่น มีหนังสือช่วยในการเรียน ที่กวดวิชาเพื่อช่วยทำคะแนน ทำเกรดในโรงเรียน มีหนังสือมีซีดีสอนเล่นกีตาร์ มีคลิปสอนต่างๆมากมายที่พร้อมที่จะให้เรานั้นหามาเปิดพร้อมทำตามซ้ำไปซ้ำมามีทีวีที่มีรายการสอนทำอาหารต่างๆ มีหนังสือที่สอนเราเกี่ยวกับการเล่นหุ้น มีหนังสือที่สอนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและที่สำคัญมีหนังสือที่ช่วยให้เรานั้นประสบ ความสำเร็จ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อหนังสือแนวช่วยให้เราประสบ ความสำเร็จ หนังสือที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของเรา หนังสือที่ช่วยให้เราเปลี่ยนแนวคิดเปลี่ยนมุมมอง หรือหนังสือที่มีจุดมุ่งหมายเดียวเดียวกันคือต้องการให้ประสบ ความสำเร็จ แล้วมีคนจำนวนไม่น้อยในนั้นเช่นกันที่ทำได้แค่เพียงอ่านแล้วสุดท้ายก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงทั้งๆที่เนื้อหาข้างในนั้นเข้มข้นและพร้อมจะระเบิดออกมาในทุกๆหน้าที่เราเปิดอ่าน พร้อมที่จะให้เรานั้นมีแววตาที่เป็นประกายฉายแสงแห่ง ความสำเร็จ ออกมา ทั้งๆที่เนื้อหาข้างในนั้นได้บรรยายวิธีการต่างๆที่ละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ตาม ความสำเร็จอย่างไรก็ตามคนจำนวนไม่น้อยนั้นแหละที่ทำได้เพียงมีอารมณ์ชั่วพักชั่วครู่แล้วก็ดับวูบไป ที่สำคัญคือทฤษฎี ความสําเร็จ ของแต่ละคนนั้นล้วนแตกต่างกันไปตามนิสัยและสิ่งต่างๆของบุคคลนั้น คนสองคนที่อยู่บ้านใกล้กัน เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนได้เกรดใกล้เคียงกัน ชอบอะไรต่างๆที่เหมือนกัน ทำกิจกรรมกิจวัตรต่างๆใกล้เคียงกัน แต่สุดท้ายคนสองคนนี้ ก็มี ความสำเร็จ ที่แตกต่างกัน ตามเส้นทางของคนแต่ละคนไม่มีใครที่เหมือนกันทุกอย่างได้ ความสำเร็จ ก็เช่นกันไม่มีทางเหมือนกันได้แต่คุณผู้อ่านสังเกตดูดีๆจะมีหลายๆสิ่งนั้นที่ทุกคนที่ประสบ ความสำเร็จ บอกเหมือนๆกัน ที่ทุกคนที่ประสบ ความสำเร็จ นั้นทำเหมือนๆกัน และหนังสือทุกๆเล่มนั้นต้องการที่จะให้ผู้อ่านทุกคน ล้วนมองเห็นและปฏิบัติตามสิ่งต่างๆที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่มากขึ้น คนบางคนทำทุกอย่างเหมือนที่หนังสือบอก แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักที ทำไมคนบางคนกระดิกนิ้วเท้านอนอยู่บ้านก็มีเงินไหลมาเทมา สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ โอกาสก็มีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ซึ่งหนังสือที่มีทฤษฎีความสําเร็จต่างๆมีไว้เพื่อให้เราหาโอกาสต่างๆได้มากขึ้นหรือช่วยให้โอกาสมาถึงตัวเราได้เร็วขึ้น และหนังสือที่ช่วยให้ประสบความสําเร็จหลายๆเล่มได้กล่าวไว้ใกล้เคียงกันคือ 1.มีจุดมุ่งหมายจุดมุ่งหมายคือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนนั้น มีแรงและมีกำลังใจในการทำไปให้ถึง ในการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ถ้าเราเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของสักชิ้นหนึ่ง เราจะเก็บเงิน หาเงินทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่ควรเป็นวิธีที่ผิดกฎหมาย เราจะพยายามเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของนั้น ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้ที่เกรดสี่ในวิชาคณิตศาสตร์ เราจะทำทุกวิธีเพื่อที่จะได้เกรดสี่นั้น อ่านหนังสือทำการบ้านทำแบบฝึกหัดต่างๆ ความสำเร็จก็เช่นกัน ถ้าเราเลือกสิ่งที่เราต้องการมาสักอย่าง เราจะพร้อมและมีใจที่จะทำเพื่อให้ตัวเองถึงจุดนั้น จุดที่เราเรียกตัวเองว่าประสบความสำเร็จ 2.เข้มข้นทางความรู้สึกมีคนจำนวนไม่น้อยที่บอกกับตัวเองว่า ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำแบบนู่นจะทำอย่างนี้ สุดท้ายก็ล้มเลิกกลางคัน เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่แน่วแน่ ไม่เข้มข้นมากพอ และที่สำคัญคืออยู่กับเราไม่ตลอดเช่น ถ้าเราต้องการเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง แต่เราเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแต่สุดท้ายก็ล้มเลิกกลางคันเพราะความรู้สึกนั้นมันเริ่มจางหายไป ถ้าเราต้องการกินข้าวผัดไข่ใส่กุ้งทะเลชามใหญ่ในมือเย็นนี้ แต่อยู่ดีๆความรู้สึกนี้ก็หายไปแล้วเกิดอาการอยากกินอย่างอื่นแทนสิ่งนี้ก็เรียกได้ว่าความรู้สึกไม่เข้มข้นพอได้เช่นกัน ความรู้สึกที่เข้มข้นนี้มักต้องมาพร้อมกับรางวัลถึงจะทำให้เรามีความรู้สึกนี้ต่อแต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไปที่ต้องมีรางวัล 3.สนุกที่จะทำสิ่งใดก็ตามที่เราทำแล้วสนุกนั้น เรามักอยากทำต่อ เวลาเล่นเกมส์แล้วเกิดความสนุก ติดลม เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไม่อยากลุกออกจากเกมส์นั้น หลายคนมักชอบทำงานอดิเรกมากกว่างานประจำเพราะงานอดิเรกนั้น ให้ความรู้สึกสนุก แล้วถ้าเกิดเราสามารถนำเอาความรู้สึกสนุกนี้ไปใส่ในเส้นทาง ความสำเร็จ ของเราล่ะ ทุกย่างก้าวที่เราจะทำให้ตัวเองประสบ ความสำเร็จ นั้นจะสนุกอย่างแน่นอน และจะทำให้เรานั้นทำสิ่งที่ทำให้เราประสบ ความสำเร็จ อย่างไม่ลดละ ทำได้เท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ และที่สำคัญเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ทำให้เวลาแห่ง ความสำเร็จ มาถึงเราได้เร็วขึ้นเช่นกัน 4.เป็นคนขยัน มีไฟการทำงานถ้าเราเดินไปทำงานด้วยความเร็วเท่าเต่าเดิน หรือลุกออกจากเตียงด้วยความเร็วเท่าแมวกลิ้งตัว แล้วเวลาไหนกันที่เราจะประสบ ความสำเร็จ เรามักกระตือรือร้นกับสิ่งที่เราต้องการเสมอ ลองให้ ความสำเร็จ นั้นเป็นสิ่งที่ต้องการ เราจะกระตือรือร้นตัวเอง เดินอย่างว่องไว ทำงานด้วยความกระฉับกระเฉง ไม่ยากที่เราจะเจอโอกาสแห่ง ความสำเร็จ แน่นอน 5.มองหาสิ่งใหม่ๆบ่อยครั้งที่สิ่งเดิมๆกิจวัตรเดิมๆของเรานั้น เรารู้สึกเบื่อหน่ายและรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ความสำเร็จ ไปทำงานด้วยความเบื่อแต่เราก็ยังทำมันอยู่อย่างนั้นทุกวัน ย่อมไม่ดีแน่ วันใดที่รู้สึกแบบนี้ นั้นอาจหมายถึงเวลาที่ควรมองหาสิ่งใหม่ๆที่กระตุ้นเรา ให้เรารู้สึกสนุก ทุกครั้งที่เรามองสิ่งใหม่ๆนั้นอาจหมายถึงเราอาจจะมองเห็นโอกาสดีๆด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าเราได้อ่านหนังสือที่ช่วยให้ประสบ ความสําเร็จ แต่เราไม่ทำตามก็ไม่มีวันสำเร็จ ทฤษฎี ความสําเร็จ นั้นจะใช้ไม่ได้กับทุกคนเสมอไป ทุกคนย่อมมีทฤษฎี ความสําเร็จ เป็นของตัวแต่ แต่เพียงบอกเล่าสิ่งนั้นผ่านออกมาในรูปสื่อต่างๆให้เราได้รับรู้ ทฤษฎีเกิดจากการลองผิดลองถูกจนถึงจุดมุ่งหมาย แล้วมองสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นแล้วกลั่นกรองเขียนออกมาให้อยู่ในรูปทฤษฎีที่ใครก็ทำตามได้ เนื้อหาทฤษฎี ความสําเร็จ ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันแน่นอน ที่มา : http://moneyhub.in.th
|